ทดสอบ New Nissan Kicks e-Power generation2 ทำไมกลับมาขายดี แรงและประหยัดกว่าเดิมจริงไหม
CarInner CarInner
88.3K subscribers
25,986 views
421

 Published On Oct 13, 2022

‪@Carinner‬ นำ Nissan Kicks e-Power generetion2 มาขับทดสอบ เจาะลึกรายละเอียดการใช้งานจริง ทั้งในเมืองและนอกเมืองกว่า 1,000 กิโลเมตร เพื่อให้รู้ถึงสมรรถนะและประสิทธิภาพแท้จริง หลังเปลี่ยนมอเตอร์ลูกใหม่ แบตเตอรี่ใหญ่ขึ้น มันดีขึ้นจริง ๆ หรือไม่ เรามีคำตอบ

นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ ใหม่มาพร้อมลุคใหม่ เสริมดีไซน์ทันสมัย พิเศษสุดกับครั้งแรกของรุ่น ออเทค (Autech) สุดสปอร์ต เท่ หรู ถูกใจคนรุ่นใหม่กับดีไซน์ภายนอกที่ดูโฉบเฉี่ยวมากขึ้น อีกทั้งภายในห้องโดยสารยกระดับความหรูหราด้วยคอนโซลกลาง และ คันเกียร์ไฟฟ้ารูปแบบใหม่ พร้อมเพิ่มวัสดุบุนุ่มที่จุดสัมผัสต่างๆ เติมเต็มสไตล์พรีเมียมด้วยการตกแต่งทูโทน ด้วยหลังคาสีดำ เสริมความเท่ หรูอีกระดับกับรุ่นออเทคที่มาพร้อมชุดแต่งสีเงินเมทัลลิภายนอกรอบคัน ภายในโทนสีดำเสริมการตกแต่งด้วยสีน้ำเงินอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของออเทค

ขับขี่มั่นใจ ปลอดภัย และสะดวกสบายทุกการเดินทาง กับเทคโนโลยีความปลอดภัยรอบคัน 360° Safety Shield โดยได้เพิ่มเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงครบครัน รวมถึงความสะดวกสบายของการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน ผ่าน Android Auto และ Apple Car Play อรรถประโยชน์จากพื้นที่ขนสัมภาระ, คอนโซลกลางใหม่ที่ออกแบบมาให้เข้ากับสรีรศาสตร์ของผู้ขับขี่ และการปรับเบาะที่นั่งเพื่อรองรับทุกการใช้งาน


อี-พาวเวอร์ (e-POWER) เจเนอเรชั่นที่ 2 พลังที่สร้างความตื่นเต้นเร้าใจมากยิ่งขึ้น

อี-พาวเวอร์ เจเนอเรชั่นที่ 2 (2nd Generation e-POWER) พัฒนาขึ้นโดยยึดมั่นในแนวคิดการเคลื่อนที่อัจฉริยะของนิสสัน หรือ นิสสัน อินเทลลิเจนท์ โมบิลิตี (Nissan Intelligent Mobility) ในเจเนอเรชั่นที่ 2 นี้ นิสสันยังคงใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นตัวขับเคลื่อนรถ และใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในขนาดเล็กทำหน้าที่เสมือนเป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าส่วนตัว เพื่อสร้างกระแสไฟฟ้ากำลังสูง ส่งเข้าแบตเตอร์รี่ลิเทียมไอออน ทำให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องเปลี่ยนพฤติกรรมการขับขี่และการใช้รถยนต์ในชีวิตประจำวัน นั่นคือ ไม่ต้องกังวลเรื่องการชาร์จพลังงานไฟฟ้าจากภายนอกหรือการหาสถานีชาร์จ ขณะเดียวกันก็ยังได้ประสบการณ์ในด้านพละกำลังและสมรรถนะการขับขี่ที่คล่องแคล่ว ว่องไว เฉกเช่นเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้า

ภายใต้ระบบอี-พาวเวอร์ เจเนอเรชั่นที่ 2 นิสสันได้รวมเครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า (Inverter) กับมอเตอร์ไฟฟ้า (Electric Motor) ไว้เป็นยูนิตเดียวกัน ทำให้ส่วนของ Inverter มีขนาดเล็กลง 40% น้ำหนักลดลง 30% และเพิ่มความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (Lithium-ion battery) มากขึ้นเป็น 2.06 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh) ช่วยให้เครื่องยนต์มีการทำงานเพื่อสร้างกระแสไฟฟ้าน้อยครั้งลง ลดแรงสั่นสะเทือนและเสียงรบกวนจากการสตาร์ทของเครื่องยนต์ได้ดีมากยิ่งขึ้น

เครื่องยนต์สันดาปภายในของระบบอี-พาวเวอร์ ได้ถูกกำหนดให้มีการทำงานในรอบเครื่องยนต์ที่เหมาะสมที่สุดในการผลิตกระแสไฟฟ้า และให้ความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้อย่างดีเยี่ยม โดยยังคงใช้เครื่องยนต์ HR12DE ขนาด 1.2 ลิตร 3 สูบแถวเรียง DOHC (Double Overhead Camshaft) 12 วาล์ว ทำหน้าที่เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ต่อพ่วงไปยังส่วนประกอบของระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าที่สำคัญ ๆ อาทิ เครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า (Inverter) มอเตอร์ไฟฟ้า (Electric Motor) ที่ให้กำลังสูงสุด 136 แรงม้า (PS) มีแรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร (Nm) และแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 2.06 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh) มีจำนวน 4 โมดูล 96 เซลล์ มอบการเร่งความเร็วที่ราบรื่น ให้ความเงียบ และการประหยัดน้ำมันที่มีประสิทธิภาพสูงด้วยอัตราประหยัดน้ำมันถึง 23.8 กิโลเมตรต่อลิตร* ในขณะที่อัตราประหยัดน้ำมันสำหรับการขับขี่ในเมืองถึงประหยัดถึง 26.3 กิโลเมตรต่อลิตร** / ***

โหมดการขับขี่และการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า
Normal mode
การขับขี่ในแบบปกติที่ให้อัตราเร่งความเร็วดีเยี่ยม ลักษณะการใช้งานเหมือนขับขี่รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในทั่วๆ ไป มีโหมด D สำหรับการขับขี่ปกติ และ B ที่เพิ่มแรงหน่วงขณะลดความเร็ว ลดการใช้ผ้าเบรก และสร้างกระแสไฟฟ้ากลับคืนได้มากขึ้น

Sport mode
เพิ่มสมรรถนะในการขับเคลื่อนและตอบสนองอัตราเร่งและการชะลอความเร็วที่ดียิ่งขึ้น

ECO mode
เน้นการออกตัวที่นุ่มนวล ปรับการทำงานของระบบอี-พาวเวอร์ ให้ลดการใช้พลังงานที่สิ้นเปลืองลง ทำให้เครื่องยนต์และระบบมีการใช้เชื้อเพลิงและพลังงานไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

EV mode
ปรับเปลี่ยนให้รถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่เหลือภายในแบตเตอรี่ โดยเครื่องยนต์จะไม่ทำงานจนกระทั่งพลังงานในแบตเตอรี่อยู่ในระดับต่ำ สัมผัสถึงความเงียบ

อี-เพดดัล สเต็ป(e-Pedal Step) เทคโนโลยีคันเร่งอัจฉริยะ ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเร่งและลดความเร็วเพียงการใช้แป้นคันเร่งเดียวเท่านั้น ทำงานร่วมกับโหมดการขับขี่ Sport MODE และ ECO MODE (ทั้งตำแหน่ง D และ B) เมื่อผู้ขับขี่ยกเท้าจากคันเร่ง รถจะชะลอความเร็วลงอย่างนุ่มนวล โดยความเร็วจะลดลงต่ำสุด 5 กม./ชม. (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับน้ำหนักบรรทุกและความลาดชันของทางที่ขับขี่) ช่วยให้การขับขี่สะดวกสบายและง่ายมากขึ้น เช่น การกะระยะห่างระหว่างรถคันหน้า การชะลอเมื่อลงเขาหรือ เมื่อเจอลูกระนาดในเขตชุมชน และยังช่วยให้ผู้ขับขี่มีความสนุก มั่นใจมากขึ้นด้วยการชะลอความเร็วอย่างนุ่มนวลขณะทำการเข้าโค้ง นอกจากนี้ขณะที่ อี-เพดดัล สเต็ป ทำงาน เครื่องจะสามารถชาร์จไฟกลับเข้าแบตเตอรี่ขณะลดความเร็ว เมื่อมีการยกหรือถอนเท้าออกจากคันเร่ง

ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ที่ nissan.co.th, Facebook, Instagram, Twitter และ YouTube
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ การบริการ และความมุ่งมั่นในการนำเสนอยานยนต์เพื่อความยั่งยืน สามารถติดตามได้ที่ nissan-global.com, Facebook, Instagram, Twitter, LinkedIn และรับชมวีดีโอล่าสุดที่ YouTube

#nissan #nissankicks2022 #nissankicksepower #nissankicks

show more

Share/Embed