The World's Best Cities 2023 by Resonance Consultancy

สร้างเสียงฮือฮาจากชาวอาเซียนได้ไม่น้อย เมื่อเพจ ASEAN Skyline นำเอาผลการจัดอันดับ จาก The World's Best Cities Report เมืองที่ดีที่สุดในโลก ประจำปี 2023 ที่จัดทำขึ้นโดยบริษัท Resonance Consultancy จากเว็บไซต์ bestcities.org มาเผยแพร่ให้ชาวอาเซียนได้ชม ในส่วนของเมืองที่ดีที่สุดในเอเชีย ที่ทำให้เกิดการถกเถียงกันเป็นอย่างมาก เพราะใน 16 อันดับของเอเชีย ที่ทางแอดมินเพจดังกล่าวเลือกมา มีเพียง 3 เมืองในอาเซียนเท่านั้นที่ติดอันดับ นั้นก็คือ สิงคโปร์ กรุงเทพฯ และจาการ์ต้า ซึ่งการหายไปของกัวลาลัมเปอร์ ที่มักจะติดอันดับในอาเซียนอยู่บ่อยครั้ง และการขึ้นมาเป็นอันดับ 3 ในอาเซียนของจาการ์ต้า การที่กรุงเทพ มีอันดับสูงกว่าเมืองที่มีชื่อเสียงอย่างเซี่ยงไฮ้ ไทเป ฟูกูโอกะ รวมถึงการไม่มีเมืองใดของเวียดนามติด 16 อันดับแรกของเอเชีย น่าจะเป็นสาเหตุหลัก ที่ทำให้การจัดอันดับนี้ ได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษ แต่ก่อนที่จะไปพูดถึงการจัดอันดับ ทั้งในระดับอาเซียน เอเชีย และระดับโลก เราขอพามาทำความเข้าใจหลักเกณฑ์ที่ทางผู้จัดอันดับ ซึ่งก็คือ Resonance Consultancy ได้นำมาใช้ในการพิจารณาการจัดอันดับในครั้งนี้ก่อน

Resonance Consultancy บริษัทที่ปรึกษาชั้นนำระดับโลก ในด้านการท่องเที่ยว อสังหาริมทรัพย์ และการพัฒนาเศรษฐกิจ ได้อ้างว่า การจัดอันดับนี้ เป็นการจัดอันดับเมืองและปริมณฑล ที่ครอบคลุมและสมบูรณ์แบบที่สุดในโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปีนี้มีความพิเศษมากกว่าที่เคย เพราะเป็นการจัดอันดับในช่วงหลังจากที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 Resonance ได้ทำการจัดอันดับเมืองสำคัญ ซึ่งรวมถึงปริมณฑล ที่มีประชากรมากกว่า 1 ล้านคน ด้วยการใช้ข้อมูลสถิติต่างๆ และการประเมินเชิงคุณภาพ โดยคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว ใน 24 ด้าน ที่สามารถจัดกลุ่มใหม่ ให้เหลือ 6 หลักเกณฑ์สำคัญ หรือ 6 P ซึ่งได้แก่

หลักเกณฑ์ที่ 1 Place หรือสถานที่ ถือว่าเป็นหลักเกณฑ์ที่มีความซับซ้อนมากที่สุดหลักเกณฑ์หนึ่ง โดยบริษัทได้ประเมินจากคุณภาพของสภาพแวดล้อม ทั้งทางธรรมชาติ และที่มนุษญ์สร้างขึ้นมา ซึ่งครอบคลุมในเรื่องของสภาพอากาศ โดยดูจำนวนวันเฉลี่ยที่ท้องฟ้าสดใส มีแสงแดด ความปลอดภัย ที่ดูจากอัตราอาชญากรรมรุนแรง Resonance ยังประเมินในเรื่อง Place ด้วยจำนวนแหล่งท่องเที่ยว และสถานที่สำคัญที่ถือว่ามีคุณภาพ ที่มีการแนะนำจากคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว และหลักเกณฑ์ย่อยสุดท้ายของ Place ก็คือ จำนวนสวนสาธารณะ และกิจกรรมกลางแจ้ง ที่แนะนำโดยคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว ซึ่งนำมาเว็บไซต์ tripadviser.com อีกเช่นกัน

หลักเกณฑ์ที่ 2 Product หรือตัวสินค้า เป็นการจัดอันดับจากสิ่งที่บริษัทเรียกว่า Hardware ของเมือง ซึ่งเป็นเรื่องยาก ที่จะทำให้มันเที่ยงตรงถูกต้อง โดยเป็นการศึกษาหน่วยงาน และสถาบันสำคัญของประเทศ แหล่งท่องเที่ยว และโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่กำหนดอัตลักษณ์ของสินค้่า ทั้งในเชิงปริมาณ คุณภาพ และชื่อเสียง ซึ่งใช้เงินทุนสูง และยากในการดูแลรักษา ให้สินค้านั้นๆ ยังคงโดดเด่น และเป็นที่จดจำ ซึ่งจะพบได้เฉพาะในเมืองใหญ่เท่านั้น โดยปัจจัยที่ส่งผลในการจัดอันดับในด้าน product ได้แก่ การเชื่อมต่อกับสนามบิน ซึ่งหมายถึงการบินไปยังเมืองต่างๆทั่วโลก เข้าหรือออกจากสนามบินนั้นๆโดยตรง แหล่งท่องเที่ยวก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่ง ที่ส่งผลต่อการจัดอันดับ ซึ่ง Resonance ดูจากจำนวนแหล่งท่องเที่ยวคุณภาพ ที่แนะนำโดยคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว พิพิธภัณฑ์ และสถาบันด้านศิลปะที่มีคุณภาพ แนะนำโดยคนท้องถื่นและนักท่องเที่ยว และสุดท้ายสำหรับปัจจัยในด้าน product ก็คือ ขนาดของศูนย์การประชุมที่ใหญ่ที่สุดของเมืองนั้นๆ

หลักเกณฑ์ข้อที่ 3 ก็คือ Programming หรือโปรแกรมกิจกรรมต่างๆของเมือง ซึ่งเป็นตัววัดประสบการณ์ในการท่องเที่ยวสำคัญ อย่าง อาหาร การแสดง การช้อปปิ้ง และไนท์ไลฟ์ ซึ่งถ้า Product ถูกมองว่าเป็นเหมือน hardware programming ก็เป็นเหมือน software ทีทำให้ hardware มีชีวิต โดยมีปัจจัยย่อยดังนี้ วัฒนธรรม ที่วัดจากจำนวนของประสบการณ์ทางวัฒนธรรม และงานศิลปะที่มีคุณภาพ ไนท์ไลฟ์ ที่วัดจากจำนวนประสบการณ์ การใช้ชีวิตตอนกลางคืนที่มีคุณภาพ ร้านอาหารหรือภัตตาคาร ที่วัดจากจำนวนร้านอาหาร และการทำอาหารที่มีคุณภาพ การช้อปปิ้ง ที่วัดจากประสบการณ์ในการช้อปปิ้งที่มีคุณภาพ ซึ่งปัจจัยทั้ง 4 ในด้าน programming เป็นการแนะนำโดยคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว

หลักเกณฑ์ข้อที่ 4 ก็คือ People หรือผู้คน ยิ่งประชากรในเมืองมีความหลากหลายมากขึ้น ก็จะยิ่งทำให้เมือง ที่อยู่ในระดับท้องถิ่น มีความเป็นสากลมากขึ้นเท่านั้น ทรัพยากรมนุษย์ ถือว่ามีค่ามากที่สุด ซึ่ง Resonance ประเมินความแข็งแกร่งของทรัพยากรมนุษย์ ผ่านทางระดับการเข้าถึงการศึกษาในเมืองนั้นๆ สัดส่วนของประชากรในวัยทำงาน

หลักเกณฑ์ข้อที่ 5 ก็คือ Prosperity หรือความมั่งคั่ง ประชากรที่มีรายได้ดี และมีความมั่นคงในด้านเศรษฐกิจ ย่อมทำให้เกิดนวัตกรรม และการบริการเอาใจใส่ที่ดี โดยทั่วไปแล้ว ความเชื่อเกี่ยวกับความร่ำรวย และมั่งคั่งของเมืองๆหนึ่ง ถูกกำหนดโดยข้อมูลสถิติ เช่น รายได้ประชากร มาตรฐานการใช้ชีวิต การมีหรือไม่มีของบริษัทขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียง ทั้งที่ในความเป็นจริง เหล่าบริษัท start up และนวัตกรรมต่างหาก ที่เป็นตัวขับเคลื่อนการพัฒนา และการเติบโตทางเศรษฐกิจของเมือง ปัจจัยในด้าน prosperity มีดังนี้ Global 500 จำนวนสำนักงานใหญ่ ของบริษัทระดับ Global Fortune 500 ซึ่งเป็นข้อมูลจาก Fortune.com GDP Per Captita รายได้ต่อหัวของประชากรในเมืองนั้นๆ จาก McKinsey Urban World อัตราการจ้างงาน จนถึงเดือนกรกฎาคม ปี 2022 และปัจจัยสุดท้ายของหลักเกณฑ์นี้ ก็คือความเท่าเทียมในด้านรายได้ ซึ่งเป็นตัววัดการกระจายรายได้ของประชากรในเมืองนั้นๆ

ที่มา:   / itsaseanskylines